เนื่องจาก บริษัทประกันภัยรถยนต์ จะมี ราคากรมธรรม์ที่ แตกต่างกัน ถึงแม้จะเป็น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เหมือนกันก็เถอะ แต่ เบี้ยประกันภัยรถยนต์ ที่จะต้องจ่ายก็แตกต่างกันออกไป
ส่วนในเรื่องของความคุ้มครองส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมีใกล้เคียงกัน ที่สำคัญในปัจจุบันการ เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากและสามารถใช้บริการได้ทันที
โดยที่ตัวของเราเองไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางไปยัง บริษัทประกันภัย ด้วยตนเอง เพียงแค่กดกรอกข้อมูล ทุนประกันที่ต้องการ ชื่อ รุ่นรถ ก็สามารถเช็คราคาเบี้ยประกันภัยรถยนต์ได้มากกว่า 30 บริษัท ผ่านระบบ “ประกันออนไลน์ได้ทันที ”
เชื่อเถอะว่าการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์จะสามารถทำให้เพื่อนๆสามารถลดเบี้ยประกันและไม่จ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงมากจนเกินไป
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์สามารถทำให้เราลดเบี้ยประกันให้น้อยลงได้ ตอนนี้เพื่อนๆก็คงจะรู้คำตอบแล้วว่า ทำไมถึงต้อง เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์
เมื่อพูดถึงเบี้ยประกัน หลายคนคงจะเคยได้ยินแต่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับคำนี้ ตัวผมเองทีแรกๆที่เป็นเจ้าของรถก็ไม่เข้าใจหรอกครับ ว่าเบี้ยประกันคืออะไร ก็เราไม่ใช้ตัวแทนหรือ บริษัทขายประกันภัยรถยนต์นี้หน่า แต่หลังที่เป็นเจ้าของรถมาหลายปีก็พอจะมีความรู้เกี่ยวกับคำนี้ขึ้นมาบ้าง ผมเลยอยากจะมาบอกต่อ เพื่อที่จะทำให้เจ้าของรถหรือคนรักรถทั้งหลายเข้าใจคำนี้กันให้มากยิ่งขึ้น
ต้องบอกว่า เบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่เราคุ้นหูกันนั้น คือ จำนวนเงินที่เจ้าของรถหรือตัวเราเองหรือผู้เอาประกันภัยจะต้องทำการจ่ายให้กับทางบริษัทประกันภัยรถยนต์ เพื่อที่จะซื้อความคุ้มครองที่จะได้จากการประกันชีวิต หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ เบี้ยประกันก็เหมือนกับราคาสินค้าที่มีอยู่ตามท้องตลาด และในการซื้อสินค้าแต่ละชนิด แต่ละประเภทนั้น ราคาที่ขายก็ย่อมที่จะแตกต่างกันออกไป
เพราะจะต้องขายในนราคาต้นทุนบวกกับกำไรนั้นเอง ประกันภัยรถยนต์ ก็เช่นกัน โดยจำนวนของเบี้ยประกันภัยที่ทางบริษัทจะเรียกเก็บกับทางเรานั้น จะต้องมีจำนวนที่เพียงพอกับราคาต้นทุนในการประกันชีวิตกับทางบริษัท บวกกับผลกำไรที่ทาง ” บริษัทประกันภัยรถยนต์ ” จะต้องได้รับ ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการทำงานและผลตอบแทนจากการลงทุนของบริษัท
แต่อย่างไรก็ดี เบี้ยประกันภัยที่ บริษัทประกันภัยรถยนต์ แต่ละบริษัทเอาออกมานำไปเสนอขายให้กับเจ้าของรถนั้น จะต้องผ่านและได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนก่อน โดยนายทะเบียนจะพิจารณาความถูกต้องตามหลักการคำนวณด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย และในเรื่องของความเหมาะสมเป็นธรรมแก่ผู้เอาประกันภัย
นอกจากนี้แล้ว ” เบี้ยประกันภัยรถยนต์ ” ที่เราจะต้องจ่ายให้กับทางบริษัทในแต่ละครั้งนั้น ก็มักจะมีหลายๆปัจจัยที่มาเกี่ยวข้องในการคำนวณเบี้ยประกันภัยที่เราจะต้องจ่าย นั้นก็คือ ทุนประกันภัย
ต่อมาก็ในส่วนของชนิดรถยนต์ จากนั้นก็จะมาในส่วนของค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) คือ วงเงินสูงสุดที่เราจะต้องทำการรับผิดชอบในกรณีที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และสุดท้ายก็คือ ในส่วนของประวัติการประกันภัยรถยนต์ โดยในกรณีที่เราเองมีส่วนลดมาจากบริษัทเดิมที่เราทำประกันเอาไว้ก็สามารถโอนส่วนลดนั้นมาที่ใหม่ได้ อย่างไรก็ตามในกรณีบางบริษัทจะมี ขอบเขตในเรื่องของการให้ส่วนลด
อย่างเช่นในกรณีเช่น สามารถลดได้เพียงแค่ 20% ไม่ว่าจะได้จากที่เดิมเท่าไรก็ตาม ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยในการประหยัดเวลาในการสมัคร เราก็ควรที่จะทำการระบุข้อมูล ประวัติให้ชัดเจนและครบถ้วนถูกต้อง เนื่องจากข้อมูลที่เราระบุมานั้นทางบริษัทประกันภัยจะทำการตรวจสอบยืนยันอีกที ก่อนที่จะทำการลดเบี้ยประกันให้